การก่อตั้งภาควิชา

ศาสตราจารย์ นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์

ปีพุทธศักราช 2487 คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดลปัจจุบัน) ขาดแคลนบุคลากรที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ จึงโยกย้ายนพยาบาลบางส่วนมาฝึกหัดตรวจวิเคราะห์ ก่อให้เกิดปัญหาการใช้บุคลากรไม่ตรงตามเป้าหมายการผลิต หลวงลิปิธรรมศรีพยัตต์ (ลิ ศรีพยัตต์) ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะบดีคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาลขณะนั้น ได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอพระอัพภันตราพาธพิลาศ (กำจร พลางกูร) อธิบดีกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาปัญหาและร่างหลักสูตร เพื่อผลิตบุคลากรที่ตรงตามสายงาน แต่โครงการต้องระงับไป เพราขาดแคลนงบประมาณเนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพอดี

ปีพุทธศักราช 2497 หลวงเฉลิมคัมภีรเวชช์ ( ศาสตราจารย์ นพ.เฉลิม พรมมาส) อธิบดีกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์คนต่อมา ได้รื้อฟื้นโครงการขึ้นมาใหม่ โดยขอความช่วยเหลือจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID ในปัจจุบัน) ซึ่งได้รับการตอบสนองให้ความสนับสนุนด้วยดี ทางมหาวิทยาลัยจึงร่างหลักสูตรตามแบบที่ใช้ในประเทศอเมริกาขณะนั้น คือรับบุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มาฝึกอบรมระดับอนุปริญญาต่ออีก 3 ปี และเพื่อเตรียมความพร้อมในหลักสูตรดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2498 มหาวิทยาลัย แพทยศาสตร์ได้ส่ง นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ และ นพ.เชวง เดชะไกศยะ ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับเทคนิคการแพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี

ศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ

ศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ

ผู้บริหารโรงเรียนเทคนิคการแพทย์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ รุ่นแรกมี ศ.นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณบดี และหัวหน้าภาควิชาเคมีคลินิกไปด้วย ส่วนศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ เป็นรองคณบดี และหัวหน้าภาควิชาคลินิคัลไมโครสโคปี เป็นผู้ดูแลบริหารงานคณะเทคนิคการแพทย์ ส่วนที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยคณะเป็นผู้ให้บริการห้องปฏิบัติการกลาง แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย จนกระทั่งถูกคำสั่งคณะปฏิวัต ิสั่งโอนไปเป็นภาควิชาเวชศาสตร์ชันสูตร ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ในพ.ศ.2514 และ ศ.น.พ.เชวง เดชะไกศยะ ยังได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา อยู่ระยะหนึ่ง จึงเปลี่ยนเป็นท่านอื่น และเป็นที่น่าเสียใจ ทีีทั้งสองท่านได้ล่วงลับไปแล้ว จึงขอนำรูปของท่าน มาให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกัน

องค์การบริหารวิเทศกิจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้ความเห็นชอบโครงการผลิตบุคลากร เพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ขอรับการสนับสนุน โดยได้ลงนามให้ความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2499 และเริ่มก่อสร้างโรงเรียนเพื่อฝึกอบรมขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมกันนั้น องค์การบริหารวิเทศกิจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่ง Dr.Robert W. Prichard มาเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยมี นพ.สวัสดิ์ แดงสว่าง, พันโทนิตย์ เวชชวสิสติ, ศาสตราจารย์ นพ.กำธร สุวรรณกิจ และ นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณะกรรมการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้ใช้ชื่อว่า “เทคนิคการแพทย์” หลักสูตรในระยะแรก ตั้งแต่รุ่นที่ 2 ถึงรุ่นที่ 7 มีการสอนถ่ายภาพเอกซ์เรย์และล้างฟิล์มร่วมด้วย

นักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทย รับโอนมาจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มาเรียนเตรียมเทคนิคการแพทย์ปีที่ 1 โดยใช้สถานที่และอาจารย์ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน) ซึ่งนักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทยมีเพียง 5 คนเท่านั้น วันที่ 13 พฤษภาคม 2499 มีประกาศกฤษฎีกาจัดตั้ง “โรงเรียนเทคนิคการแพทย์” สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข (ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 73 ตอนที่ 40 วันที่ 15 พ.ค.2499) โดยมีภารกิจหลัก 2 ประการคือ จัดการเรียนการสอนเพื่อผลิตนักเทคนิคการแพทย์ และให้บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการแก่ผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทย สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาเทคนิคการแพทย์ (อทกพ.) เมื่อเดือนมีนาคม 2500

ต่อมามีประกาศกฤษฎีกาจัดตั้ง “คณะเทคนิคการแพทย์” เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2500 (ลงในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 74 ตอนที่ 60 วันที่ 9 ก.ค.2500) โดยมี นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณบดีท่านแรก ซึ่งนับเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์เทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ปีพุทธศักราช 2503 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ปรับขยายหลักสูตรจากอนุปริญญา เป็นระดับปริญญาตรี (ปรับก่อนประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 2 ปี) โดยรับนักศึกษาอนุปริญญาปีสุดท้าย ที่มีคะแนนตลอดหลักสูตรเกิน 70% มาศึกษาต่ออีก 1 ปี ได้วุฒิวิทยาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) ซึ่งบัณฑิตรุ่นแรกที่มีคุณวุฒิ วท.บ. (เทคนิคการแพทย์) มีเพียง 3 คนเท่านั้น

จากวันนั้น ถึงวันนี้ วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ของเรา ได้หยั่งรากลึกในหน้าประวัติศาสตร์มาแล้วกว่าสี่ทศวรรษ จากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพียงแห่งเดียว ได้แตกดอกออกกอไปสู่มหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก จากบัณฑิตรุ่นแรกทีมีเพียง 3 คน ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายพันคน กระจายกันออกไปรับใช้สังคมอยู่ในส่วนต่างๆ ของประเทศ นี่ย่อมเป็นประจักษ์พยานบ่งชี้ว่า วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ มีบทบาทสำคัญต่อระบบสุขภาพของคนไทยมาช้านานแล้ว

(เรียบเรียงจากหนังสือรับน้องเทคนิคการแพทย์ มหิดล รุ่นที่ 46 และรุ่นที่ 47)

“พวกเราชาวเทคนิคการแพทย์ ทั้งหลาย บางท่าน อาจไม่ทราบความจริงว่า เราได้ต่อสู้ทุกวิถีทาง โดยเฉพาะท่านอดีตคณบดีฯ (ศ.นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์) ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งบุกเบิก ต่อสู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ จนกระทั่งพวกเราได้มีวันนี้ และหวังว่าท่านทั้งหลาย คงจะต้องต่อสู้กันต่อไป ด้วยความพากเพียร เพื่อให้วิชาชีพ ของพวกท่านทั้งหลาย ได้เจริญรุ่งเรือง ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง”

ศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ (หนึ่งในผู้วางรากฐานวิชาชีพ)
(ตัดตอนจากบทความเรื่อง “30 ปีของเทคนิคการแพทย์” อนุสรณ์ครบรอบ 30 คณะเทคนิคการแพทย์ มหิดล)

ประวัติศาสตร์ของเรา เริ่มต้นมาอย่างยาวนาน มีบุคคลสำคัญที่คอยประคับประคอง เกื้อหนุนให้วิชาชีพของเราพัฒนา ก้าวหน้าเรื่อยมา หากไม่มีก้าวแรกแห่งการเสียสละ อุทิศกายใจ ของใครบางคนเมื่อหลายทศวรรษก่อน ย่อมไม่มีก้าวที่สอง,สาม,สี่… ที่ก้าวมาถึงปัจจุบันได้

การสืบค้นประวัติวิชาชีพ และบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้อง เป็นโครงการหนึ่ง ที่ชมรมเทคนิคการแพทย์สัมพันธ์ิ ตั้งใจจะจัดทำขึ้น (เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “กึ่งศตวรรษเทคนิคการแพทย์ไทย”) ทั้งนี้ เพื่อให้พวกเราได้เรียนรู้อดีต จะได้เกิดความภาคภูมิใจ รักและหวงแหนวิชาชีพ ของเรา

ขอเชิญชวนคณาจารย์ และเทคนิคการแพทย์อาวุโสที่เกี่ยวข้อง กับการวางรากฐานวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ ในอดีต ได้กรุณาให้ข้อมูล/รายละเอียด/ภาพถ่าย/หลักฐาน เพื่อนำมารวบรวม และเรียบเรียงเป็นประวัติวิชาชีพ ให้นักศึกษาและเทคนิคการแพทย์รุ่นหลังๆ ได้ศึกษาต่อไป

หัวหน้าภาควิชาอดีต-ปัจจุบัน

2536-2540

รศ.ดร.รัชนา ศานติยานนท์


2540-2544

รศ.ดร.วาริน แสงกิติโกมล


2544-2548

รศ.ดร.รัชนา ศานติยานนท์


2548-2552

รศ.ดร.รัชนา ศานติยานนท์


2552-2556

ผศ.ดร.เทวิน เทนคำเนาว์


2556-2560

ผศ.ดร.เทวิน เทนคำเนาว์


2560-2564

ผศ.ดร.วิโรจน์ บุญรัตนกรกิจ


2564-ปัจจุบัน

ผศ.ดร.อัญชลี เฉียบฉลาด